วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

น้ำตกสายทิพย์

น้ำตกสายทิพย์ ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว 





น้ำตกสายทิพย์” เป็นน้ำตกที่สวยงาม มีจำนวนชั้นทั้งหมด 7 ชั้น ในการเดินลงสู่ตัวน้ำตกนักท่องเที่ยวควรสวมใส่รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าที่มีความสามารถในการยึดเกาะพื้นผิวเป็นอย่างดีเนื่องจากทางลงสู่ตัวน้ำตกแต่ละชั้นค่อนข้างชันและลื่น ก้อนหินโดยรอบบริเวณน้ำตกถูกปกคลุมไปด้วยพืชจำพวกมอสและตะไคร่น้ำดูเขียวชอุ่มสวยงาม ปัจจุบันทางอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวได้ทำรั้วไม้กั้นทางไว้ไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินลงไปเกินน้ำตกสายทิพย์ชั้นที่ 5 เพื่อความปลอดภัย 





     นอกจากน้ำตกสายทิพย์แล้ว.....ยังมีน้ำตกซึ่งมีความสวยงามและน่าสนใจบริเวณใกล้ ๆ กับลานสนภูสอยดาวอีก 2 แห่ง ได้แก่ “น้ำตกหุมพบ(น้ำตกหลุมพบ)” และ “น้ำตกมอส
    จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวกล่าวว่า “น้ำตกหุมพบ(น้ำตกหลุมพบ)” เป็นน้ำตกซึ่งมีความสูงชันมาก ถูกค้นพบโดยบุคคลชื่อ “หุม” อันเป็นที่มาของชื่อน้ำตก ต่อมาจึงมีการเรียกชื่อเพี้ยนไปเป็น “น้ำตกหลุมพบ” ซึ่งเป็นคำเรียกที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยมากกว่า นักท่องเที่ยวซึ่งต้องการจะเดินทางไปชมความงดงามของน้ำตกแห่งนี้จำเป็นต้องติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทาง สำหรับ “น้ำตกมอส” นั้นเป็นน้ำตกที่มีพืชจำพวกมอสและตะไคร่น้ำขึ้นปกคลุมโขดหินโดยรอบบริเวณน้ำตกเช่นเดียวกับ “น้ำตกสายทิพย์” แต่ “น้ำตกมอส” เป็นน้ำตกซึ่งตั้งอยู่ภายในอาณาเขตประเทศลาว การจะเดินทางไปท่องเที่ยวยังน้ำตกมอสจำเป็นต้องติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทางเช่นเดียวกันกับการเดินทางไปยังน้ำตกหุมพบ (ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมไม่ได้เดินทางเข้าไปเก็บภาพถ่ายและข้อมูลของ “น้ำตกหุมพบ” และ “น้ำตกมอส” บริเวณตัวน้ำตก หากแต่ใช้วิธีการสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวแทนครับ)
    ภายหลังจากที่ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) เก็บภาพถ่ายน้ำตกสายทิพย์เสร็จเรียบร้อย พวกเราก็แวะนั่งพักรับประทานอาหารกลางวันแล้วจึงเดินกลับไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวใกล้ ๆ กับจุดกางเต็นท์เพื่อสำรวจตรวจดูแผนที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติรอบลานสนภูสอยดาว (มีป้ายโลหะของแผนที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติรอบลานสนภูสอยดาวปักอยู่บริเวณด้านหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวใกล้ ๆ กับจุดกางเต็นท์) เส้นทางศึกษาธรรมชาติสายนี้เป็นทางเดินซึ่งเชื่อมติดต่อกันจนเกือบจะเป็นทรงกลม มีระยะทางรวมประมาณ 2.3 กม. มีการสร้างป้ายคำอธิบายเกี่ยวกับระบบนิเวศน์บนลานสนภูสอยดาวและป้ายคำอธิบายข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ตั้งเอาไว้ตามสถานีต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ เช่น ชีวิตมหัศจรรย์บนลานสน , พิชิตภูเดียวเที่ยวสองประเทศ , หลุมบังเกอร์สมรภูมิร่มเกล้า , มณีเทวาบุปผาราชินี , จุดชมทิวทัศน์ยอดภูสอยดาว , ฯลฯ นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาเพียงแค่ 1 – 2 ชม.เดินสำรวจเส้นทางสายนี้ได้จนทั่ว


ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์
..........ความสวยงามที่ผองคนเฝ้าค้นหา..........

ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์
ภูสอยดาว.....ดินแดนแห่งน้ำค้างกลางเที่ยง

ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์
ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์

..เด็กหลง (ระเริง) ป่า !?.......

     แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาจนบ่ายคล้อยแต่เมฆหมอกก็ยังคงปกคลุมทั่วผืนฟ้าอยู่อย่างหนาแน่น เม็ดฝนน้อยใหญ่ร่วงหล่นโปรยปรายลงมาเป็นระลอก สายลมเย็นพัดพาละอองไอน้ำต้องกระทบกับร่างกายจนบางครั้งก็ทำให้รู้สึกหนาวสะท้าน บรรยากาศต่าง ๆ รายรอบตัวบ่งบอกถึงความหมายของสมญานาม “ดินแดนแห่งน้ำค้างกลางเที่ยง” ของภูสอยดาวได้เป็นอย่างดี ..........บ่ายวันนี้..........พวกเราตั้งใจว่าจะเดินวนเวียนไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติรอบลานสนภูสอยดาวให้ครบ 1 รอบ
     พวกเรากำหนดจุดตั้งต้นบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแล้วออกเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติด้านทิศตะวันออก ไม่นานนักพวกเราก็ได้มาพบกับต้นกล้วยไม้ “เอื้องแซะภูกระดึง” ที่กำลังออกดอกสีขาวบอบบางดูน่าทะนุถนอม ต้นกล้วยไม้เอื้องแซะภูกระดึงที่ชูช่อออกดอกอยู่บนลานสนภูสอยดาวนี้เป็นต้นกล้วยไม้ซึ่งพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาได้ทรงปล่อยคืนสู่ป่าไว้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552 และได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯมาตลอดจวบจนกระทั่งปัจจุบัน









 ใกล้ ๆ กับสถานี “หลุมบังเกอร์สมรภูมิร่มเกล้า” จะมีทางแยก 2 เส้นทาง เส้นทางแรกมุ่งสู่ด้านทิศเหนือของลานนไปสิ้นสุด ณ “จุดชมทิวทัศน์ยอดภูสอยดาว” จากจุดนี้นักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบภูสอยดาวได้แบบ 360 องศา ในช่วงเวลาเช้าหรือเวลาเย็นหากคุณมีอารมณ์โรแมนติกมากพอก็อาจจะพกพาไฟฉายส่องทางมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกก็ได้ จุดชมทิวทัศน์ยอดภูสอยดาวนี้อยู่ห่างจากหลุมบังเกอร์สมรภูมิร่มเกล้าประมาณ 800 เมตรและไม่มีทางเดินเชื่อมต่อไปยังเส้นทางศึกษาธรรมชาติด้านอื่น ๆ (เมื่อเดินขึ้นไปถึงจุดชมทิวทัศน์ยอดภูสอยดาวแล้วต้องเดินย้อนกลับลงมาตามเส้นทางเดิมเท่านั้น) ส่วนเส้นทางที่สองเป็นเส้นทางเลาะเลียบไปตามขอบหน้าผาด้านทิศตะวันตกของลานสนภูสอยดาวยาวเชื่อมต่อไปจนถึง “จุดชมพระอาทิตย์ตกภูสอยดาว” และสามารถเดินย้อนกลับไปยังจุดตั้งต้นบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้ในที่สุด [นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินไปตามเส้นทางด้านทิศตะวันออกจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว – พิชิตภูเดียวเที่ยวสองประเทศ – หลุมบังเกอร์สมรภูมิร่มเกล้า (แวะไปจุดชมทิวทัศน์ยอดภูสอยดาวได้) – จุดชมพระอาทิตย์ตกภูสอยดาว – ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หรือจะเลือกเดินไปตามเส้นทางด้านทิศตะวันตกจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว – จุดชมพระอาทิตย์ตกภูสอยดาว – บังเกอร์สมรภูมิร่มเกล้า (แวะไปจุดชมทิวทัศน์ยอดภูสอยดาวได้) – พิชิตภูเดียวเที่ยวสองประเทศ – ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ก็ได้]






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น