วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ดอยเสมอดาว


ณ.ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน

เช้าวันอากาศหนาวเหน็บ
       
       บางจังหวะเวลาที่สายลมพัดวูบไหวโชยปะทะ มันช่างหนาวยะเยือกกรีดลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งของร่างกาย
       
       ยอดดอยเสมอดาวในเช้าวันนี้ ขาวโพลนไปด้วยม่านหมอกปกคลุมหนาทึบราวกับจะกลืนกินร่างกายของผมที่เดินลุยฝ่ามันไป ทั้งๆ ที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงของค่ำคืนที่ผ่านมา ยอดดอยเสมอดาวฟ้าใสกระจ่าง เต็มไปด้วยมวลหมู่ดาวทะเลดาวที่ดารดาษพร่างพราวเต็มฟ้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมได้เข้าใจว่าทำไมดอยแห่งนี้ถึงชื่อว่า
       
       “ดอยเสมอดาว” 







• การเดินทาง
• จากกรุงเทพฯ ถึงแพร่ ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 ไปจนถึงอำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปตามถนนแก้วฟ้า ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1026 จากอำเภอเวียงสา ไปอำเภอนาน้อย ระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปตามถนนสายนาน้อย-ปางไฮทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1083 ไปอีกประมาณ 22 กิโลเมตร จนถึง ผาชู้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติศรีน่าน
• 
สิ่งอำนวยความสะดวก
• บ้านพัก มีบ้านพักจำนวน 4 หลัง พักได้ประมาณ 60 ท่าน มีสถานที่กางเต้นบริเวณดอยเสมอดาวและที่ทำการอุทยานฯที่ผาชู้
• การติดต่อ
• สอบถามรายละเอียด ได้ที่ กรุงเทพฯ กรมป่าไม้  โทร. 0 2562 0760 หรือ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ตู้ ปณ.14 อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน 55150










     การเตรียมการเที่ยวดอยเสมอดาว ในอดีตคราวที่ผมมาที่นี่ครั้งแรกๆ ดอยเสมอดาวให้เรากางเต็นท์บนยอดดอยได้ ครั้งหลังๆ มานี้ไม่ยักเห็นเต็นท์บนยอดดอย คงมีเพียงพื้นที่กางเต็นท์ที่ลดหลั่นลงมาจากยอดดอยเท่านั้น เป็นไปได้ว่าบนยอดดอยนั้นอาจจะไม่อนุญาตให้กางเต็นท์เหมือนดังแต่ก่อน ถ้าเป็นตอนนั้นเราจะมาที่ดอยเสมอดาวแต่เช้า เพื่อจองพื้นที่กางเต็นท์ ในวันที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมากันมากทางอุทยานจะไม่ให้นำรถขึ้นมาจอดบนดอยเสมอดาว แต่จะให้จอดรอที่ลานจอดรถ จนเมื่อนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มาถึงก่อนเราเค้าเก็บเต็นท์เดินทางลงจากดอยแล้ว จึงจะให้เราเอารถขึ้นไปจอดบนดอยเสมอดาว เพื่อให้นำสัมภาระลงจากรถแล้วยกไปที่ลานกางเต็นท์ที่เราจองเอาไว้ หลังจากนั้นก็ต้องเอารถกลับลงมาจอดที่ลานจอดรถใกล้ๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตามเดิม

 การมาเที่ยวดอยเสมอดาวในยุคหลังๆ ก็จะเห็นนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มที่วางแผนเที่ยวแบบเป็นจุดแวะ หมายถึงการมาเที่ยวเมืองน่าน นอนในเมืองแต่มาแวะดอยเสมอดาว โดยออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ช่วงหัวค่ำ แล้วมาให้สว่างที่ดอยเสมอดาวพอดี ซึ่งเป็นวิธีที่ผมใช้ครั้งล่าสุด แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยมาดอยเสมอดาวเป็นครั้งแรก ก็ขอแนะนำว่า นอนค้างสักคืน แล้วจะประทับใจไปอีกนาน

 สภาพอากาศบนดอยเสมอดาว ค่อนข้างเย็น ด้านล่างเป็นหุบเขาแล้วล้อมรอบด้วยเทือกเขาที่สูงใกล้เคียงกัน ผ่ากลางหุบเขาด้วยแม่น้ำสายใหญ่ของจังหวัดคือลำน้ำน่าน นี่เป็นปัจจัยที่ทำให้บริเวณดอยเสมอดาวมีทะเลหมอกเกิดขึ้นเป็นประจำ น้อยครั้งที่ฉันมาที่นี่ในฤดูหนาวแล้วไม่เจอทะเลหมอก ใครหลายๆ คนที่ไปเที่ยวตามยอดดอยเพื่อชมทะเลหมอกแล้วไม่เห็น ต้องกลับบ้านพร้อมความผิดหวัง ลองมาที่นี่ดู ที่นี่อาจจะเป็นที่แรกที่คุณเจอทะเลหมอกสุดแสนสวยประทับใจเหมือนกับฉัน




วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

‪#‎ลำน้ำเข็ก‬ ‪จังหวัด‎พิษณุโลก‬

‪  
ลำน้ำเข็ก‬ 


   อุ๊ยตาย.....ว้ายกรี๊ด.....ตาเถรตก !! เป็นเสียงที่คุณจะสามารถพบเจอได้เสมอขณะทำกิจกรรม “ล่องแก่ง” โดยเฉพาะหากแก่งนั้นๆ ยิ่งน่าหวาดเสียว.....ตื่นเต้น.....เร้าใจมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ เสียงกรีดร้องราวกับคนเสียสติก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น



ลำน้ำเข็ก  เป็นลำน้ำขนาดกลาง มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ด้านอ.เขาค้อ ไหลผ่านอุทยานแห่งชาติ ทุ่งแสลงหลวง บริเวณหน่วยหนองแม่นา จ.พิษณุโลก และไหลขนานไปกับถนนทางหลวง หมายเลข 12 (พิษณุโลก - หล่มสัก) เส้นทางลัดเลี้ยวของ ลำน้ำเข็ก ประกอบไปด้วยน้ำตกมากมาย  อาทิ น้ำตกศรีดิษฐ์ จ.เพชรบูรณ์, น้ำตกแก่งโสภาที่เลื่องชื่อของจ.พิษณุโลก, น้ำตกปอย, น้ำตกแก่งซอง, น้ำตกวังนกแอ่น ทั้งยังมีแก่งมากมายในลำน้ำสายนี้


ในช่วงฤดูฝน ลำน้ำใสสงบสายนี้จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มข้น เชี่ยวกรากรุนแรง  ซึ่งแม้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเสี่ยงที่จะเล่นน้ำ ในช่วงนี้ แต่นับว่าฤดูฝนจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมามากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่เหมาะแก่การล่องแก่งที่สนุกเร้าใจ 







ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมง กับ 8 แก่ง  นักล่องแก่งผจญภัย จะพบกับความตื่นเต้นตลอดเส้นทาง นับตั้งแต่เริ่มต้น ที่ท่า ปากยาง ล่องไปถึงท่าขึ้นส่วนตัว ภายใน วนธารา เฮลท์ รีสอร์ท แอนด์ สปา และต้อนรับด้วยเครื่องดื่ม และอาหารว่าง รวมระยะทาง 8 กิโลเมตร



เสน่ห์ของแก่งลำน้ำเข็ก คือ ธรรมชาติของแก่งต่าง ๆ  ในลำน้ำเข็ก จะมีการไต่ระดับความยากง่ายจากระดับ 1-2 แล้วเพิ่มความรุนแรงเป็น 3-4 และ 4-5 ในช่วงท้ายของเส้นทาง  ทำให้ผู้ล่องแก่งมีเวลาซักซ้อมฝีไม้ลายมือ ถือเป็นการอุ่นเครื่องไปในตัว



สำหรับมาตรการด้านความปลอดภัย จะเริ่มตั้งแต่จุดลงเรือ ที่ท่าข้าม กม. 51 อำเภอวังทอง  จังหวัดพิษณุโลก  โดยก่อนจะล่องแก่ง  ทีมงานจะมีการอธิบาย การล่องแก่ง  สภาพลำน้ำ และสาธิตการสวมเสื้อชูชีพ หมวกนิรภัย     จากนั้นจะมีการสาธิตการนั่ง การพายเรืออย่างถูกวิธี และการควบคุมเรือยาง ให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ  รวมทั้งจะมีการแนะนำ การปฏิบัติตัวระหว่างการล่องแก่ง เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยว จะต้องฟังคำสั่งนายท้ายเรือ อย่างเคร่งครัด



เส้นทางการล่องแก่ง มีระยะทาง 8 กิโลเมตร ผ่านแก่งต่าง ๆ  8 แก่ง  แก่งท่าข้าม  มีความยากในระดับ 1-2 เพราะน้ำจะนิ่งแต่ ไม่นานนักจะได้พบกับ  แก่งไทร  ซึ่งจัดระดับความยากไว้ที่ 3-4  จากนั้นจะเป็น แก่งมรดกป่า แก่งนี้ฝีพายทางด้านขวาจะต้องทำงานหนัก  เพราะเมื่อผ่านแก่งจะต้องหักเลี้ยวซ้ายทันที ตามกระแสน้ำที่คดเคี้ยว   แก่งนี้ถือว่าสร้างความตื่นเต้นเร้าใจได้ไม่เบา
















 แก่งต่างๆในลำน้ำเข็ก


เมื่อเริ่มลงเรือยางจากท่าน้ำทรัพย์ไพรวัลย์ มาได้ไม่ไกลนัก ก็จะสัมผัสกับ

แก่งท่าข้าม

เป็นแก่งที่ไม่ใหญ่นักสามารถทำการฝึกการบังคับเรือความยากอยู่ที่ประมาณ 1  2 เท่านนั้น ในช่วงที่น้ำน้อย ก็มีโขดหินโผล่พ้นน้ำพอให้ออกกำลังกายพอหอมปากหอมคอผ่านพ้อนแก่งท่าข้ามจะพบน้ำนิ่งอยู่สักพัก สามารถกระโดดลอยคอเล่นได้ล่องแก่งไปสักหน่อยก็จะถึงแก่งไทร

แก่งไทร

เป็นแก่งที่มีความยากในระดับ 3  4 เมื่อผ่านสายน้ำนิ่งมาแล้วสายน้ำจะแยกออกเป็น 2 ทาง ทางซ้ายมือไม่สามารถล่องผ่านไปได้เพราะจะมีโขดหินใหญ่โผล่ออกมามากมาย และมีต้นไม้หนาแน่นจะต้องผ่านทางด้านขวาของสายน้ำซึ่งเป็นช่องทางไม่กว้างนักลักษณะของแก่ง คือ เมื่อเริ่มล่องแก่งได้ประมาณ 10 เมตรสายน้ำจะหักเลี้ยวซ้ายมือทันทีฝีพายทางด้านขวามือต้องทำงานค่อนข้างหนักจึงจะผ่านแก่งมรดกป่าได้

แก่งปากยาง

เมื่อล่องผ่านแก่งมรดกป่ามาได้ไม่ไกลนักจะได้ยินเสียงน้ำดังสนั่นอยู่ด้านหน้า เรียกว่า แก่งปากยาง ที่แก่งน้ำด้านซ้ายของสายน้ำ ฝีพายจะต้องยึดสายน้ำทางด้านซ้ายมือเอาไว้ ความยากของแก่งปากยางจะอยู่ในระดับ 2  3 แล้วแต่ความมากน้ำของกระแสน้ำก่อนจะหมด แก่งปากยางน้ำ จะมีน้ำตกเล็ก ๆ ที่ลดระดับของชั้นหินขวางอยู่ทั้งลำน้ำ มีความสูงต่างระดับกันประมาณ 1 เมตรกว่า ๆ ที่เรียกว่า แก่งหินลาด

แก่งหินลาด

จะเป็นช่วงสุดท้านของแก่งปากยางเป็นหินลดระดับลงห่างกันประมาณ 1 เมตร เมื่อล่องเรือยางมาถึงแก่งนี้แล้ว จะต้องยึดตัวให้อยู่บนเรือ ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกกระแสน้ำซัดกระเด็นออกนอกเรือ หรือกระเด็นไปอยู่ที่ด้านหลังหรอด้านหน้าของเรือก็ได้ เมื่อผ่านแก่งนี้ไปได้สายน้ำจะลดความรุนแรงลง กลายเป็นสายน้ำนิ่งไหลเอื่อยอีกครั้ง

แก่งสวนรัชมังคลา

ไม่ไกลจากแก่งน้ำตกหลังสวนนัก จะพบกับทางแยกของสายน้ำอีกครั้ง สามารถไปได้ทั้งซ้ายและขวา แต่ขอแนะนำให้ล่องแพไปทางด้านชวาของสายน้ำจะสนุกตื่นเต้นกว่าทางด้านซ้าย ทางด้านขวาน้ำจะมีหินขวางอยู่กลางลำน้ำ ทำให้ได้สนุกสนานกับการบังคับเรือยางให้ผ่านพ้นไปช่วงปลาย ๆ ของแก่งนี้ จะมีความรุนแรงถึงระดับ 3  4 เลยทีเดียว ถ้าเป็นช่วงนี้น้ำขึ้นสูงมาก ๆ จะมียอดคลื่นสูงเกิน 1 เมตร

แก่งซาง

อยู่ไม่ไกลจากแก่งสวนรัชมังคลา ก่อนที่เรือจะถึงแก่งซางน้ำ สายน้ำจะค่อนข้างราบเรียบ ลักษณะของแก่งซางจะเป็นลานหินกว้างมาก และลดระดับลงในแต่ละช่วง กว่าจะสิ้นสุดแก่งซางนั้น สายน้ำก็ลดระดับลงไม่ต่ำกว่า 10 เมตร แก่งนี้จึงมีความยากในระดับ 4  5 เมื่อเรือยากล่องผ่านน้ำนิ่ง สายน้ำจะหักเลี้ยวซ้าย ทันทีที่เรือเลี้ยวมาตามสายน้ำ ก็จะได้พบกับความยิ่งใหญ่ของแก่งซาง ความรุนแรงของกระแสน้ำ ที่ลดหลั่นกันลงไปตามเชิงชั้นของแผ่นหินกระเซ้นแตกเป็นฟองกระจาย กว่าจะผ่านแก่งซางไปได้น้ำก็เข้ามาเต็วเรือทีเดียวเพราะฉะน้ำจะต้องบังคับเรือชิดทางด้านฝั่งซ้ายเอาไว้ ถ้าบังคับเรือมากลางสายน้ำ หรือด้านขวาของสายน้ำ ความรุนแกรงของกระแสน้ำจะพัดเรือไปกระแทกหินทางด้านฝั่งขวา อาจจะทำให้เรือพลิกคว่ำได้ แก่งซางนี้จึงนับได้ว่าเป็นแก่งที่ค่อนข้างอันตราย จะต้องนั่งแล้วพยายามยึดตัวเองให้อยู่ในเรือ

แก่งโสภาราม

เป็นแก่งหักศอกรูปตัว ความรุนแรงของกระแสน้ำไม่รุนแรงมากนัก แต่จะโค้งหักศอก

แก่งนางคอย

ลักษณะของแก่งนางคอยจะเป็นการลดระดับของชั้นหิน และกระแสน้ำจะมีความสูงเกือบ 2 เมตร ความยากจะอยู่ในระดับ 4-5 การลดระดับของชั้นหินนั้นจะเอียงจากทางด้านขวาของสายน้ำไปทางด้านซ้ายในแนวเฉียง จึงทำให้เพิ่มความยากขึ้นไปอีก ควรจอดเรือตรงลานหินเหนือแก่ง แล้วเดินไปตรวจดูสภาพของแก่งเสียก่อนว่าควรจะนำเรือยางไปตามล่องน้ำด้านไหน แต่ขอแนะนำให้ลงทางด้านซ้าย แต่ไม่ใช่ซ้ายสุด เพราะทางด้านซ้ายสุด ด้านล่างของแก่งจะมีก้อนหินใหญ่อยู่ 2 กันแพอาจจะพลิกคว่ำได้ ถ้าล่องผ่านแก่งนางคอยแล้วสามารถบังคับเรือกลับไปล่องน้ำด้านขวามือสุดจะเป็นร่องน้ำเล็ก ๆ ก็จะสามารถนำเรือขึ้นไปล่องลนแก่งนางคอยได้อีก ถ้าต้องการเพิ่มความสนุกสนาน

แก่งยาว

แก่งยาวจะมีความยาวกว่า 100 เมตร สมกับชื่อของแก่งกว่าจะล่องผ่านแก่งยาวไปได้ก็สะบักสะบอมกันเอาเรื่องทีเดียว ลักษณะของแก่งยาวจะเป็นแก่งที่สายน้ำจะผ่านโขดหินมากมาย และจะค่อย ๆ ลดระดับลาดเอียงลงสู่ด้านหน้าของแก่งควรจะบังคับเรือยางให้เข้าร่องน้ำทางด้านซ้ายก่อนจะสิ้นสุด ปลายแก่งจะมีก้อนหินใหญ่ขวางอยู่ต้องบังคับเรือหลบหลีกให้ทัน ไม่เช่นนั้นเรืออาจจะกระแทกกับหินทำให้เกิดอันตรายได้ ความยากของแก่งนี้จะอยู่ในระดับ 3  - 4 แล้วแต่ระดับของน้ำ

เมื่อล่องแพผ่านทั้งแก่งซางแก่งนางคอย และแก่งยาวมาได้แล้วแก่งต่าง ๆ ที่ยังเหลืออยู่ก็ไม่ใช่เป็นแก่งที่ยาก ไม่ว่าจะเป็นแก่งคงสัก หรือแก่งวังน้ำเย็น ที่มีความยากในระดับ 1  2 เท่านั้น สามารถลงไปลอยคอผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้เย็นสบาย จนถึงจุดขึ้นฝั่งที่แก่งทักขุนไทได้อย่างสนุกสนานทีเดียว รวมแล้วผ่านมา 18 แก่ง






ข้อควรระวังในการล่องแพลำน้ำเข็ก

ลำน้ำเข็กค่อนข้างจะมีความรุนแรงเชี่ยวกรากในช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกชุก นักท่องเที่ยวจะไม่สามารถลงเล่นน้ำตกต่าง ๆ ได้ แต่ในช่วงฤดูฝนนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเล่นเรือยางล่องแก่งต่าง ๆ ได้อย่างสนุกสนานเร้าใจเป็นอย่างมาก แต่นักท่องเที่ยวที่จะมาล่องแก่งที่ลำน้ำเข็กนั้นควรจะต้องว่ายน้ำเป็น มีร่างกายและใจที่พร้อม และรู้จักระมันระวังตนเองเพราะสายน้ำแห่งนี้ยิ่งมีกระแสน้ำรุนแรงเท่าใด อุบัติเหตุก็อาจเกิดขึ้นได้มากยิ่งขึ้น




วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

"เขาเย็น"เราเห็นยังเย็นเลย

เขาเย็น.....ที่ยอดพันแปด









          หลายคนในนี้อาจยังไม่รู้จักเขาเย็น กะ น้ำตกคลองน้ำแดง แต่ว่า ผมเองก็ไม่มีข้อมูลมากพอ เอาเป็นว่า คุยกันพอคร่าวๆ แล้วกันครับ ผมพิมพ์ไม่เก่ง...
    เขาเย็น และก็คลองน้ำแดง อยู่ในอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า การที่จะเข้าไปน้ำตกคลองน้ำแดง ก็ต้อง นั่ง 4WD พันโซ่ที่ล้อด้วย สำหรับหน้าฝนอย่างนี้ วิ่งไป....ประมาณ สอง สาม ช.ม แล้วก็ เดินเท้าต่อ 4-5 ชม.
    พวกผมนั่ง รถบขส . ที่หมอชิต รถ เชียงใหม่ หรือรถ ลำปางก็ไปได้ทุกบริษัท บอก พนักกงานบริการ บนรถ ให้แวะที่วังเจ้าด้วย อ. วังเจ้านี้จะ เลย ตัวจ. กำแพงเพชร ไปอีก 50-60 หรือ70 โล จำไม่ค่อยได้ครับ แต่ ยังไม่ถึง จ. ตาก ซึงต้องห่างไปอีก ประมาณ 30 โล แล้ว เหมารถ สองแถว ไป 300 บาท เข้าสู่ อุทยานแห่งชาติ คลองวังเจ้า.. น่ะครับ
    รถบขส. เนี้ยจะจอดใกล้ตลาดเลย ตรงนั้น ถนนตั้ง 8 เลนแน่ะ ..! นั่งไป 3ทุ่มครึ่ง ไป ถึงก็เกือบ ตี3 นั่งกินกาแฟ กันก่อน เสร็จแล้วรอเวลา ตี 4 ก็ไปชอบปิ้งที่ตลาด ใกล้ๆ ซื้อสเบียงอาหารมากินกัน แล้วไปนั่งรถเข้าอุทยาน เช่า4 wd ต่อ เข้าไป แล้วเดินป่ากัน... ต่อไป เรามาเดินตามกันไปดีก่า.... เอิ๊ก..





                 ทริปสำรวจยอดเขาเย็น ยอด 1,898 เป็นยอดที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน ระยะทางเดินเท้ารวมประมาณ 26 กม. เดินผ่านป่าดิบเขาท่ามกลางป่าต้นน้ำคลองสวนหมากที่อุดมสมบูรณ์มีพันธุ์ไม้นานาชนิด รวมทั้งกล้วยไม้ป่าหลากหลายสายพันธุ์ ณ บนยอดสูงสุด ฤดูร้อน อากาศยามค่ำคืน อยู่ที่ 10-13 องศาเซลเซียส


วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อยากเอาเสื่อไปปูนอนตรงนั้นจริงๆ

#‎น้ำตกหมอกฟ้า‬ ‪จังหวัดเชียงใหม่‬




             น้ำตกหมอกฟ้า เป็นน้ำตกที่ไหลตกลงจากหน้าผาสูง ไหลลงแอ่งน้ำเบื้องล่าง แล้วไหลลงไปตามลำธาร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ใกลจากตัวเมืองอำเภอเชียงใหม่มากนัก มีความร่มรื่นเป็นธรรมชาติ นอกเหนือจากน้ำตกที่สวยงามของที่นี่แล้ว ที่นี่ยังมีถ้ำหมอกฟ้าที่อาศัยของค้างคาว และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติด้วย กิจกรรมที่สามารถทำได้ที่นี่ก็มี เล่นน้ำ ตั้งแคมป์ ศึกษาเดินดูธรรมชาติ ดูนก









                น้ำตกหมอกฟ้า น้ำตกเกิดจากลำธารที่ไหลมาจากป่าทึบก่อนจะแยกเป็นสองสายไหลตกลงมาจากผาหิน บริเวณโดยรอบปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่และพืชประเภทพวกมอสและเฟิร์น ความชื่นจากละอองน้ำตกทำให้อากาศเย็นสบาย ช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดคือฤดูหนาว น้ำจะใสสะอาด สามารถลงไปเล่นน้ำที่แอ่งด้านล่างได้
ในตอนเช้าจะมีแสงแดดส่องถึงลงมาสะท้อนกับสายน้ำสีขาวทำให้เกิดเป็นรุ้ง ประกายสวยงามมาก ที่หน้าผาจะมีมอส เฟิร์นเกาะสีเขียวชื้น และหากมาในช่วงฤดูหนาวใบไม้ร่วง จะให้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบ ในฤดูฝนน้ำตกแห่งนี้ยังสวยงามไม่แพ้กัน น้ำจะไหลรุนแรงกว่ากระทบกับหน้าผาและแอ่งน้ำเบื้องล่างเสียงดังกึกก้อง ละอองน้ำกระเซ็นลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณงดงามเปรียบเสมือนสายหมอกสีขาวซึ่งเป็นที่มาของชื่อน้ำตกแห่งนี้นั่นเอง และถ้าหากต้องการพักแรมก็สามารถทำได้ มีลานกางเต็นท์ บ้านพักนักท่องเที่ยวอีก 4 หลัง ควรจองห้องพักล่วงหน้าหรือติดต่อที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ดอยปุย โทร.0 5329 5041



ที่ตั้ง
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ดอยปุยที่2 บริเวณ กม.ที่ 19 ทางหลวงหมายเลข 1095 (แม่มาลัย-ปาย)
การเดินทาง
จากเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (ไชยปราการ-ฝาง) ผ่านอ.แม่ริมจนถึงสามแยกแม่มาลัย และเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1095 (แม่มาลัย-ปาย) ตรงไปจนถึงกม.ที่ 19 มีถนนลาดยางเข้าไปในที่ทำการหน่วยฯ ระยะทาง 2 กม.

ขอบคุณภาพสวยๆ จากคุณdoimanครับ

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

แคมป์ปิ้งริมอ่างเก็บน้ำ ท่ามกลางธรรมชาติชายป่าเขาใหญ่



#ศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต #โป่งก้อนเส้า #สระบุรี






     เข้าหน้าฝนแล้ว ป่าเขาลำเนาไพรกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว รอต้อนรับนักท่องเที่ยวให้แวะไปเยี่ยมเยือนอีกครั้ง ถ้าพูดถึงกิจกรรมยอดฮิตของการไปพักผ่อนตามแหล่งธรรมชาติก็คงจะหนีไม่พ้นการไปแคมป์ปิ้งท่ามกลางป่าเขา แต่ช่วงกลางๆ ปีแบบนี้จะหาวันหยุดยาวๆ ก็ไม่ค่อยจะมี จะให้เดินทางขึ้นมุ่งขึ้นทางเหนือ ลัดเลาะไปทางอีสานก็ดูจะไกลไปซักหน่อยสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรมาขัดขวางอารมณ์อยากผจญภัยของเราลงได้ ใช้เวลาสีบเสาะซักพัก เราก็ได้จุดหมายในการไปแคมป์ปิ้งช่วงสุดสัปดาห์ที่เหมาะเจาะเพราะเดินทางจากกรุงเทพแค่ชั่วโมงเศษๆ เอง ถือว่าเป็นการวอร์มอัพก่อนเข้าสู่ช่วงการเดินทางไปกางเต้นท์นอนกลางป่าแบบเต็มๆ ในช่วงปลายปีละกัน














        เรามุ่งหน้าสู่จังหวัดสระบุรี เพื่อเข้าสู่บริเวณสุดเขตชายป่าฝั่งตะวันตกของเขาใหญ่ ผืนป่ามรดกโลกที่สำคัญของประเทศไทย ขับรถเข้ามาตามเส้นทางสู่น้ำตกเจ็ดคตมาซักประมาณ 20 กิโลเมตร ก็จะเจอกับทางเข้า “ศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า” ซึ่งเป็นจุดหมายในการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติของเราในครั้งนี้ ถ้าเอ่ยถึงชื่อ “ศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า” เชื่อว่าถ้าไม่ใช่ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้ง หรือผู้ที่รักการนอนกางเต้นท์แบบฮาร์ดคอร์คงจะไม่คุ้นชื่อสถานที่แห่งนี้มากนัก พื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่ถูกแยกออกมาให้อยู่ในความดูแลของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (สาขาสระบุรี) เพื่อความสะดวกในการดูแลนักท่องเที่ยว หลักๆ แล้วที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้าแห่งนี้ถูกจัดสรรให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และสถานที่พักแรมสำหรับคนที่อยากจะมาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ภายในจะมี “อ่างเก็บน้ำซับป่าว่าน”ขนาดใหญ่ ซึ่งพื้นที่ด้านหนึ่งเปิดเป็นลานกางเต้นท์กว้าง พร้อมด้วยศาลานั่งพักผ่อน และพื้นที่สำหรับทำอาหารซึ่งมีพร้อมทั้งรางอิฐสำหรับก่อเตาฐานและอ่างล้างจาน แน่นอนกว่าทั้งห้องน้ำ ห้องอาบน้ำก็มีไว้ให้บริการในจำนวนที่เพียงพอ ส่วนใครที่ไม่อยากนอนกางเต้นท์ หรือมาในช่วงที่ฝนตกหนักๆ พื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับการกางเต้นท์เท่าไหร่นัก ทางศูนย์ฯ ก็มีบ้านพักไว้ให้บริการเช่นกัน แน่นอนว่ามีให้เลือกทั้งบ้านพักแบบพัดลม และห้องพักติดแอร์ ขนาดบ้านพักแต่ละหลังก็กว้างพอที่จะรองรับนักท่องเที่ยวได้ครั้งละหลายๆ คน เริ่มกันตั้งแต่พักห้องละ 2 คน ไปจนถึงบ้านหลังละเกือบ 10 คน รวมก๊วนกันมาได้จำนวนเท่าไหร่ก็เลือกห้องได้ตามความสะดวก ห้องพักทุกห้องก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกพอประมาณจึงไม่ได้รู้สึกลำบาก แต่ก็ไม่ได้มีพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่คุ้นเคย เช่น ทีวี ตู้เย็น (มีบางห้องพัก) อินเตอร์เน็ต และสัญญาณโทรศัพท์ ทำให้เราได้มีโอกาสสัมผัสกับบรรยากาศอันสมบูรณ์ของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ปาย

   ไม่อยากเชื่อว่าสายฝนจะทำให้ภาพตรงหน้าชุ่มฉ่ำ สดชื่นได้ถึงเพียงนี้ ต้นไม้น้อยใหญ่ ภูเขา ท้องนา ทุกอย่างดูชื้นแฉะแต่สดใจและสวยได้ใจ เมืองเล็กๆ ในหุบเขา ที่ตอนนี้คงไม่ต้องซ่อนตัวอีกต่อไป เพียงเพราะว่าคนรู้จักเธอมากมาย แต่น้อยคนนักจะรู้จักเธอในช่วงหน้าฝนแบบนี้ "อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน"




อำเภอปายเป็นเมืองเก่าแก่ ประชากรที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนแห่งนี้มาแต่เดิมคือชาวพ่ายหรือไปร ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใช้ภาษาตระกูลออสโตร-เอเชียติก สาขาว้า-เรียง ดังมีร่องรอยหลักฐานซากวิหารและเจดีย์กระจายอยู่ทั่วไปทั้งบนภูเขาสูง ที่ดอนเชิงเขา บริเวณพื้นราบลุ่มน้ำปาย บางแห่งก่อสร้างด้วยหิน เช่น ในผืนป่าบริเวณใกล้น้ำตกเอิกเกอเต่อ ซึ่งเป็นต้นน้ำแม่ปิงน้อย บางแห่งมีการขุดคูเป็นร่องลึกบนภูเขาสูงชัน มีเจดีย์บนยอดเขา









ปาย เมืองเล็ก ๆ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขา สูงตระหง่านเป็นรอยต่อชายแดนไทย-พม่า ฤดูหนาวอากาศเย็นจัด เมืองเล็กๆแห่งนี้มักปกคลุมด้วยสายหมอก ละอองน้ำจางๆ ยามเช้า บรรยากาศอันเงียบสงบ ทุ่งนาสีเขียว ท้องฟ้าสีคราม กับแสงแดดอุ่นๆ ที่ทอดผ่านม่านหมอกหนา  แลเห็นต้นสนไม้ยืนต้นเมืองหนาวสูงใหญ่เป็นทิวแถวตามเชิงเขา วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน  ด้วยความเป็นเอกลักษณ์นี้ ปายได้ดึงดูดนักเดินทางรวมทั้งตัวผมเองให้มาสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งนี้


ไฮไลท์น่าจะอยู่ที่ถนนคนเดิน เริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่ม หลังสี่ทุ่มตลาดเริ่มวายโดยตัวของมันเอง ถึงจะจอดรถริมถนนได้ ที่เที่ยวในปายที่ฮิตๆ กัน เช่น Coffee in Love, Coffee Hillside, สี่แยกปายหนาว หรือ Pai in Love, บ้านดิน-หมู่บ้านยูนนาน, ปางอุ๋ง, บ้านรักไทย, บ้านรวมไทย,





 การเดินทาง :รถทัวร์กทม.-เชียงใหม่ ต่อรถไปปายที่สถานีขนส่งอาเขต เปิดให้ซื้อตั๋วตั้งแต่เวลา 7 โมง มีทั้งแบบรถบัสไม่มีแอร์สีส้ม รถตู้ รถบัสสีแอร์ แล้วแต่จะเลือกสรร หรือนั่งเครื่องบินไปลงที่ปายเลยก็มี สมัยนี้ไปปายง่ายกว่าเดิมเยอะ


วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วันหยุดสุดยอดดดดด

      
ล่องแก่ง นครนายก
      เรามาสนุกกับกิจกรรม การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จังหวัดนครนายก ซึ่งมีกิจกรรมล่องแก่งแม่น้ำนครนายก ทั้งเรือยางและเรือคายัคหรือกิจกรรมศูนย์ผจญภัยเขาหล่น โรยตัวหน้าผาจริง-ปีนเขา จิ้กจอกเวลา ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นการท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่บนพื้นฐาน ความรู้ ความรับผิดชอบ ต่อระบบนิเวศวิทยา







   สำหรับการล่องแก่งที่แม่น้ำนครนายก มีระดับความยากและง่ายตั้งแต่ระดับ 3-5 สร้างความสนุกได้ทุกเพศทุกวัย ตลอดทั้งปี (กระแสน้ำจะไหลแรงในฤดูฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม) โดยจุดเริ่มต้นผจญภัยการล่องแก่งแม่น้ำนครนายกอยู่บริเวณเชิงสะพานท่าด่าน เลาะเลี้ยวไปตามลำน้ำนครนายก ในระดับความแรงของสายน้ำที่ 1-3 ผ่านแก่งต่าง ๆ ที่สร้างความสนุกตื่นเต้นตลอดระยะทางในการล่องแก่งประมาณ 2 ชั่วโมง
    ส่วนแก่งต่าง ๆ ที่จะล่องผ่าน ได้แก่ แก่งโขดคุ้ง มีลักษณะเป็นโขดหินโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำในช่วงฤดูร้อน แต่จะจมลงไปในน้ำยามฤดูฝน, เกาะแก่ง มีลักษณะเช่นเดียวกันกับแก่งโขดคุ้ง ถ้าในช่วงฤดูร้อนจะมองเห็นเกาะแก่งนี้ แต่ถ้าอยู่ในช่วงฤดูฝน กระแสน้ำจะท่วมเกาะแก่งนี้จนไม่สามารถมองเห็นได้
การเดินทาง

          สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางที่ 1 ไปตามทางหลวงหมายเลข 305 เลียบคลองรังสิตผ่านอำเภอองครักษ์ ระยะทางประมาณ 105 กิโลเมตร เส้นทางที่ 2 ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 เลี้ยวขวาที่แยกหินกองไปตามถนนสุวรรณศร (ทางหลวงหมายเลข 33) จนถึงนครนายก ระยะทางประมาณ 137 กิโลเมตร หรือทางที่สองใช้ทางพิเศษอุดรรัถยา สอบถามเพิ่มเติม โทรศัพท์ 1543





 ติดต่อและจองล่องแก่งล่วงหน้าได้ที่ผู้ประกอบการ ดังนี้…
      สาริกา แอดเวนเจอร์ พอยท์ โทรศัพท์ 0-3731-6676 และ 08-5374-2496 (มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว มีประกันอุบัติเหตุ) หรือ sarikaadventurepoint.com

ชมรมเรือยางหินตั้ง โทรศัพท์ 08-4543-1970


Sarika explorers โทรศัพท์ 08-1824-8733 หรือ เฟซบุ๊ก Sarika Explorers



กลางไพร ท่องเที่ยวและผจญภัย โทรศัพท์ 08-7127-1000 หรือ www.thadan.com



 arika Nature Trip โทรศัพท์ 08-1818-9041 หรือ www.sarikanaturetrip.com

กลุ่มส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงบริการเขื่อนคลองท่าด่าน โทรศัพท์ 08-6530-0371

แพ แคนู แคมป์ โทรศัพท์ 0-3738-5042, 08-1863-4197 และ 08-1650-1018


คยัค สคูล โทรศัพท์ 08-1451-8830, 0-3739-3518


คยัคเซนต์เตอร์ (แก่งสามชั้น) โทรศัพท์ 0-3732-8411


บ้านสวนสาริกา (บ้านคุณลุง) โทรศัพท์ 0-3738-5336



MMK วังตะไคร้ โทรศัพท์ 08-1689-0150



นครนายกล่องแก่ง โทรศัพท์ 0-3738-4026, 08-9931-1398



ครัวมะปราง โทรศัพท์ 0-3732-8073


สีดา รีสอร์ท โทรศัพท์ 0-3731-3560, 0-3738-5156-7

บ้านพี่ชายทัวร์ โทรศัพท์ 08-9091-0573


สวนหญ้างาม โทรศัพท์ 08-9402-5790


คยัคมาสเตอร์ โทรศัพท์ 08-1591-1635

สวนลุงใน โทรศัพท์ 0-3732-8145, 08-1377-7801


ภูมินทร์ โทรศัพท์ 08-1745-0021, 08-6004-8923, 08-9097-8126


เกิ้ลล่องแก่ง โทรศัพท์ 08-9682-3762, 08-9119-9926


ท่าด่านล่องแก่ง โทรศัพท์ 08-5217-9768, 08-4647-2719, 08-6412-1190 หรือ www.nayokthadan.com                 



หนึ่งล่องแก่ง โทรศัพท์ 08-3120-9137, 08-9931-5784, 08-7135-7521


วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ส่องสัตว์กานนนนน


   ประสบการณ์แปลกใหม่ไม่เหมือนใครในการนั่งรถลากไปส่องดูสัตว์ยามค่ำคืน คือ สิ่งที่ทำให้ “เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี” มีความแตกต่างจากสวนสัตว์แห่งอื่นๆ อย่างชัดเจน ความตื่นเต้นสนุกสนานผสมระคนปนเปไปกับความฉงนสนเท่ห์เมื่อได้พบเห็นเงาสัตว์ป่าเคลื่อนไหวลางๆ อยู่ท่ามกลางความมืดมิดเป็นความรู้สึกที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนอยากจะลองมาสัมผัสดูสักครั้ง 

   “เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี” นับเป็นสวนสัตว์กลางคืนแห่งแรกของประเทศไทยซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 มีพื้นที่ครอบคลุม ต.สุเทพ อ.เมือง ไปจนกระทั่งถึง ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ รวมเนื้อที่ทั้งหมดกว่า 819 ไร่ และถือเป็นสวนสัตว์กลางคืนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในสมัยนั้น (เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่า สิงคโปร์ไนท์ซาฟารี ซึ่งเป็นสวนสัตว์กลางคืนที่มีชื่อเสียงระดับโลกราว 2 เท่าค่ะ) 





ประกอบด้วยพื้นที่ 3 โซน ได้แก่ 


1. โซน Savanna Safari  ( South Zone)
อาณาจักรของผู้ถูกล่า เป็นส่วนแสดงสัตว์กินพืช สัตว์กีบ และสัตว์แอฟริกาที่หาชมได้ยาก 
โซนแห่งนี้ผู้ชมจะได้เพลิดเพลินไปในบรรยากาศทุ่งหญ้าซาวันนาแอฟริกาชมสัตว์ประเภทที่ไม่มีอันตรายมากนัก เช่น ช้าง ยีราฟ ม้าลาย ฮิปโปเตมัส กระทิง ละมั่ง เลียงผา แรดขาว วอเตอร์บัค และจามรี ซึ่งในการท่องเที่ยวในโซนนี้จะเป็นการเดินทางด้วยรถลาก มีลักษณะปิดโล่งเพื่อสัมผัสบรรยากาศภายนอกได้อย่างเต็มที่ โดยรถ 1 ขบวนจะมี 2 ตอน และสามารถบรรจุนักท่องเที่ยวได้ 50 ที่นั่ง พร้อมทั้งผู้บรรยายทั้งภาษาไทยและอังกฤษ มีระยะทางกว่า 2,432 เมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที 

2. โซน Predator Prowl (North Zone)
จะเข้าสู่เขตพื้นที่ของผู้ล่า ผสมกับการนำสัตว์ผู้ถูกล่ามาไว้ในโซนนี้ ผู้ชมจะได้ผจญภัยไปกับการนั่งรถ
ชมสัตว์ดุร้ายอย่างใกล้ชิด สนุกตื่นเต้นระทึกใจในทุกวินาทีกับภาพชีวิตของสัตว์ป่า อาทิ แร้งดำหิมาลัย สิงโต เสือโคร่ง เสือโคร่งขาว หมีควาย ไฮยีน่า และจระเข้ เป็นต้น พาหนะที่ใช้จะเป็นรถที่มีส่วนเปิดโล่งสู่ภายนอกและมีระบบป้องกันอันตรายจากสัตว์ต่างๆ มีระยะทางกว่า 2,1 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที 




3. โซน Jaguar Trail (Walking  Zone)
เป็นเส้นทางเดินชมสัตว์ป่าขนาดเล็กอยู่รอบบริเวณ ทะเลสาบ สวอนเลค โซนแห่งนี้มีการจัดสวนไม้ป่า และไม้ดอกที่รายล้อมอยู่ริมทาง และเน้นให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับการศึกษาธรรมชาติคือ สวนที่มีสัตว์เป็นองค์ประกอบ รวมทั้งมีสัตว์ต่างๆ 40 กว่าชนิด อาทิ นกฟลามิงโก้ ลิงกระรอก อุรังอุตัง สมเสร็จ 2 ชนิด ฮิบโปแคระ ม้าแคระ คาพิบาล่า วาลาบี หางพู่ แมวดาว เสือโคร่งขาว เสือจากัวร์ และลีเมอร์ เป็นต้น เฉพาะโซนนี้สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ช่วงกลางวัน และยังสามารถเข้าชมในช่วงกลางคืนได้อีกด้วยด้วย 














    การแสดงยามค่ำคืน นอกเหนือไปจากการเยี่ยมชมสัตว์ป่านานาชนิดแล้ว.....ความบันเทิงจากการแสดงยามราตรีก็ถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างที่เชียงไนท์ซาฟารีพร้อมจะนำเสนอให้แก่เหล่าอาคันตุกะโดยไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติมจากราคาบัตรตามปกติเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงช้างแสนรู้ การแสดงน้ำพุดนตรีที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดระดับประเทศ หรือการแสดงคาบาเร่ต์โชว์ ต่างก็ล้วนแล้วแต่สร้างความสนุกสนานครื้นเครงและความประทับใจให้แก่ทุกๆ คนได้ไม่ยาก





หมายเหตุ : 
เด็กที่มีความสูง ต่ำกว่า 100 ซ.ม. เข้าฟรี
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 23.00 น.
เวลาบริการนั่งรถชมสัตว์กลางวัน ตั้งแต่เวลา 15.00 – 16.30 น. รถออกทุก 30 นาที
เวลานั่งรถชมสัตว์กลางคืน ตั้งแต่เวลา 19.00 – 23.00 น. รถออกทุก 15-20 นาที
รอบภาษาอังกฤษ เวลา 19.45 น. , 20.30 น. , 21.30 น. , 22.10 น.


**เวลาอาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม